backback
blog

เกิดอะไรขึ้นหากคุณขาดทุนในบัญชีเทรดฟอเร็กซ์ที่ได้รับทุน?

16/04/2025WRITTEN BY @John Doe

หากคุณขาดทุนในบัญชีที่ได้รับทุนจากบริษัท Prop Firm คุณจะต้องซื้อบัญชีที่ได้รับทุนใหม่จากพวกเขา หรือหากคุณละเมิดกฎของบริษัท อาจถูกแบนถาวรจากการขอรับบัญชีใหม่ อย่างไรก็ตาม คุณจะไม่ต้องจ่ายเงินคืนให้กับบริษัท

การขาดทุนในบัญชีที่ได้รับทุน

บริษัท Prop Trading ส่วนใหญ่มีบัญชีอยู่ 2 ประเภท:

  1. บัญชีทดลอง (Demo)
  2. บัญชีจริง (Live) ซึ่งอาจถือเงินทุนเสมือน

นักเทรดจะทำการซื้อขายด้วยเงินเสมือนในบัญชีทดลองระหว่างช่วงประเมิน ซึ่งหากเกิดการขาดทุนในช่วงนี้จะไม่ถือว่าเป็นการขาดทุนจริง เพราะไม่ได้ใช้เงินจริง หลังจากผ่านการประเมินแล้ว นักเทรดจะได้รับทุนและเริ่มซื้อขายในบัญชีที่ได้รับทุนจริง

แม้ว่าการขาดทุนจะเป็นเรื่องปกติในการเทรด (90% ของนักเทรดขาดทุน) แต่ในการเทรดกับ Prop Firm นักเทรดจะไม่ต้องรับผิดชอบต่อเงินทุนที่ได้รับ นั่นหมายความว่าหากมีการขาดทุนเกิดขึ้น บริษัท Prop จะเป็นผู้รับผิดชอบ ไม่ใช่นักเทรด

อย่างไรก็ตาม บริษัท Prop มี กฎที่เข้มงวด เพื่อรักษาวินัยในการเทรดและปกป้องการลงทุนของตน โดยทั่วไป หากขาดทุนเกินเกณฑ์ที่กำหนดในช่วงประเมิน นักเทรดจะต้องเริ่มต้นกระบวนการประเมินใหม่อีกครั้ง

การขาดทุนในบัญชีที่ได้รับทุนจริงจะมีผลกระทบมากกว่า

บริษัท Prop จะมีกลไกป้องกันการขาดทุนแบบไร้การควบคุม เช่น:

1. ขีดจำกัด Drawdown

Drawdown คือการลดลงของยอดเงินในบัญชีที่ได้รับอนุญาตสูงสุด มักจะถูกกำหนดเป็นเปอร์เซ็นต์ของเงินทุนเริ่มต้น

ตัวอย่าง: ถ้า Drawdown กำหนดไว้ที่ 5% สำหรับบัญชี $100,000 นั่นหมายความว่าคุณไม่สามารถขาดทุนเกิน $5,000 ได้

หลายบริษัทแยก Drawdown เป็นสองแบบ:

  • รายวัน (Daily Drawdown): เช่น ไม่สามารถขาดทุนเกิน 5% ของยอดเงิน ณ วันก่อนหน้า
  • รวมทั้งหมด (Overall Drawdown): ถ้าเกินจะทำให้บัญชีถูกปิด

ผลที่ตามมาจากการเกิน Drawdown ได้แก่:

  • การถูกระงับการซื้อขาย
  • การปิดบัญชี
  • การเริ่มประเมินใหม่
  • การถูกเรียกคืนผลกำไร (clawback)

2. การลดสัดส่วนการแบ่งกำไร (Split Reduction)

การแบ่งกำไรระหว่างนักเทรดและบริษัท Prop จะแตกต่างกันตามประเภทบัญชีและผลงาน โดยทั่วไปอยู่ระหว่าง 60%–80% สำหรับนักเทรด บางบริษัทอาจให้สูงถึง 90% หากมีผลงานดีและมีวินัยในการเทรด

บางบริษัทมีเงื่อนไข “clawback” หรือการหักกำไรในอนาคตเพื่อนำไปชดเชยกับการขาดทุนก่อนหน้า

3. การประเมินซ้ำ (Re-qualification)

หากนักเทรดขาดทุนหนักเกินไป บริษัทอาจให้เริ่มต้นการประเมินใหม่ โดยอาจต้องเสียค่าธรรมเนียมอีกครั้ง หรือบางกรณีอาจพิจารณาเป็นรายบุคคล หากกลยุทธ์โดยรวมยังดูมีศักยภาพ ก็อาจได้รับโอกาสฟรี (ขึ้นอยู่กับนโยบายของบริษัท)

4. การปิดบัญชี (Account Closure)

หากนักเทรดขาดทุนเกินขอบเขตที่กำหนดหรือไม่มีสัญญาณของความสามารถในการสร้างผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอ บัญชีจะถูกปิดถาวร

บางบริษัทให้โอกาสสมัครใหม่และเริ่มจากการประเมินใหม่
บางบริษัทไม่ให้โอกาสซ้ำ ซึ่งขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละบริษัท

ต้องจ่ายคืนบริษัทหรือไม่?

ไม่ต้อง นักเทรดไม่ต้องจ่ายเงินคืนให้กับบริษัท Prop ไม่ว่าจะเป็นการขาดทุนในช่วงประเมินหรือบัญชีที่ได้รับทุน

บริษัทจะรับผิดชอบขาดทุนทั้งหมด
สิ่งเดียวที่นักเทรดต้องจ่ายคือค่าธรรมเนียมการสมัครหรือค่าสมัครสมาชิก (ถ้ามี)

ยกเว้นในกรณีที่บริษัทมีกฎ clawback สำหรับหักกำไรในอนาคต

กลยุทธ์การจัดการความเสี่ยงเพื่อหลีกเลี่ยงการขาดทุน

แม้ว่าการเทรดกับบริษัท Prop จะเปิดโอกาสให้สร้างผลตอบแทนสูง แต่ก็มีความเสี่ยงที่ต้องระวังเช่นกัน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่นักเทรดจะต้องมีทักษะและกลยุทธ์ในการลดความเสี่ยงและจำกัดการขาดทุน

วิธีที่ดีที่สุดในการลดการขาดทุนในการเทรด Prop คือการมีแผนบริหารความเสี่ยงที่ชัดเจน กลยุทธ์เหล่านี้ไม่เพียงเป็นประโยชน์ต่อนักเทรด แต่ยังช่วยปกป้องเงินทุนของบริษัท Prop ด้วย โดยข้อดีของการบริหารความเสี่ยง ได้แก่ การป้องกันไม่ให้เกิดการขาดทุนรุนแรงที่อาจกระทบต่อเงินทุนของบริษัท การเพิ่มความยั่งยืนของบัญชีในช่วงเวลาที่ตลาดไม่เป็นใจ และช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรให้มากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ควรเข้าใจว่ากลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงไม่ได้หมายความว่าจะ “ไม่ขาดทุน” เลย เพราะตลาดมีความไม่แน่นอนอยู่เสมอ สิ่งที่มันช่วยได้คือการควบคุมและลดผลกระทบจากความเสี่ยงเหล่านั้นให้เหลือน้อยที่สุด

ตัวอย่างหนึ่งของเครื่องมือสำคัญคือคำสั่ง Stop-Loss ซึ่งช่วยจำกัดขาดทุนจากการเทรด โดยนักเทรดสามารถกำหนดระดับราคาที่หากขาดทุนถึงจุดนั้น ระบบจะปิดออเดอร์โดยอัตโนมัติ ทำให้นักเทรดสามารถรับความเสี่ยงได้อย่างมีขอบเขต และช่วยลดผลกระทบจากอารมณ์ระหว่างการเทรด อย่างไรก็ตาม ในตลาดที่มีความผันผวนสูง คำสั่ง Stop-Loss ก็อาจถูกทริกได้ง่าย แม้ทิศทางหลักของตลาดยังเอื้อต่อกำไร

อีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญคือขนาดของการเปิดออเดอร์ (position sizing) ซึ่งเป็นการกำหนดว่าแต่ละเทรดควรใช้ทุนมากน้อยแค่ไหน โดยขึ้นอยู่กับขนาดบัญชีและระดับความเสี่ยงที่นักเทรดยอมรับได้ กลยุทธ์นี้ช่วยป้องกันไม่ให้เทรดเดียวทำให้บัญชีเสียหายหนัก และยังช่วยไม่ให้เกิดการขาดทุนเกินขีดจำกัด Drawdown ของบริษัทอีกด้วย

อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน (Risk-Reward Ratio) ก็เป็นอีกเครื่องมือหนึ่งที่ช่วยวางแผนเทรดให้มีประสิทธิภาพ โดยเป็นการประเมินว่าแต่ละเทรดคุ้มค่าหรือไม่ เช่น หากตั้งเป้ากำไรไว้ 2 เท่าของความเสี่ยง (2:1) ก็หมายความว่าเทรดนั้นมีโอกาสทำกำไรได้มากกว่าที่เสี่ยงจะเสีย แม้จะไม่สามารถป้องกันการขาดทุนได้โดยตรง แต่อัตราส่วนนี้ช่วยให้นักเทรดประเมินความคุ้มค่าของการเข้าออกออเดอร์แต่ละครั้งได้ดีขึ้น และลดการตัดสินใจตามอารมณ์ เช่น ความโลภหรือความกลัว

สรุปแล้ว การเทรดกับบริษัท Prop อาจให้ผลตอบแทนที่ดี แต่ก็มีความเสี่ยงสูง โดยเฉพาะถ้านักเทรดยังไม่มีประสบการณ์ แม้ว่าจะไม่ต้องใช้เงินตัวเอง และไม่ต้องรับผิดชอบต่อการขาดทุนโดยตรง แต่ผลกระทบที่ตามมาจากการขาดทุน เช่น การถูกปิดบัญชี การสอบประเมินไม่ผ่าน หรือการลดสัดส่วนกำไรก็มีอยู่จริง

ดังนั้น หากคุณอยากเป็นนักเทรดที่ประสบความสำเร็จ ควรเริ่มต้นจากการพัฒนาทักษะของตัวเองให้แน่นก่อน แนะนำให้ใช้แหล่งความรู้ที่มีอยู่ใน IC Funded เพื่อเตรียมตัวให้พร้อม ก่อนจะเริ่มเส้นทางการเป็นนักเทรดที่ได้รับทุนอย่างเต็มตัว